วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2561

เนื้อพระสมเด็จวัดระฆัง

ผงเนื้อพระสมเด็จมี 12 เนื้อ

เนื้อพื้นพระสมเด็จพระพุฒาจารย์โตตั้งแต่ยุคต้น ยุคกลางมาถึงยุคปลายมี 12 เนื้อพื้น ในพระ 12 เนื้อพวกเนื้อละเอียดเนื้อแน่นเราเรียกว่าพระเนื้อนุ่ม อีกพวกเป็นพระเนื้อหยาบมีมวลสารมาก และเม็ดโตๆ เราเรียกว่าพระเนื้อกระยาสาต เนื้อตุ้บตั้บ อีกพวกเนื้อแก่ผงน้ำมันผงเทียนชัยแก่น้ำอ้อยเคี่ยวดูเหนียวฉ่ำเรียกกันว่าเนื้อขนมเข่งก็มี ในเรื่องเนื้อพื้นพระ 12 เนื้อนั้นแยกได้ดังนี้

1. เนื้อดิน ใช้ดินเหนียวมาทำเป็นเนื้อพระ มีทั้งเนื้อดิน (ไม่ได้เผาไฟ) และเนื้อดินสุก (เผาไฟแล้ว)



2. เนื้อตะกั่ว ท่านเอาตะถั่วฝากระป๋องใบชาที่มีคนเอามาถวายท่านจากประเทศจีน เอามาปั๊มเป็นพระสมเด็จ และเอามาหลอมหล่อเป็นพระสมเด็จ ที่เรียกกันว่า พระสมเด็จถ้ำชา หรือพระเนื้อตะกั่วถ้ำชา



3. เนื้อว่านมงคล ทำจากหัว-ดอก-ใบ-ลำต้น เอามาตากแห้งแล้วบดตำเป็นผงทำผงพื้นพระสมเด็จวัดระฆังในยุคต้นๆ


4. เนื้อกล้วยเนื้อขนุนเปื่อย เนื้อกล้วยเนื้อขนุนมีสองอย่างคือ เนื้อกล้วยขนุนดิบ และเนื้อกล้วยขนุนสุก เนื้อกล้วยขนุนดิบเอาขนุนแก่ที่ยังไม่สุกแกะเอาแต่เนื้อขนุน เอากล้วยน้ำหรือกล้วยหอมจันท์ดิบหวีแก่จัดปอกเปลือกออกแล้วหั่นเป็นชิ้นบางๆ ทั้ง 2 อย่าง แล้วตากให้แห้งเอามาตำ-บดเป็นผงพื้นเนื้อพระ ส่วนเนื้อกล้วย-ขนุนสุกก็เอากล้วยน้ำหรือกล้วยหอมจันท์ที่สุกงอมขนุนเปื่อยที่สุกงอมแกะเอาเนื้อมาตากแห้งเป็นขนุน-กล้วยตาก พอแห้งดีแล้วก็เอามาโขลกตำให้เหนียว เอาไปผสมกับผงพื้นหินบดแล้วเอามาทำพระสมเด็จ เนื้อพระจะออกสีน้ำตาลอมเหลืองหรือเหลืองอมน้ำตาล ผิวมันฉ่ำด้วยน้ำตาลกล้วยขนุนสุก



5. เนื้อกระยาหาร กระยาหารหมายถึงอาหารทุกชนิดทั้งข้าวกับแกงขนมผลไม้ สมเด็จท่านจะฉันรวมกัน ถ้าคำไหนอร่อยท่านจะไม่ฉันเข้าไปเพราะท่านกลัวกิเลสหลงในรสชาติ ท่านจะคายออกเก็บตากแห้งเอาไว้ นำมาทำส่วนผสมของพระสมเด็จเรียกว่าเนื้อกระยาหาร

6. เนื้อดินสอพอง มีพระบางชุดท่านเอาดินสอพองมาเป็นผงพื้นเนื้อพระ วรรณะจะออกขาวแต่เนื้อจะค่อนข้างเปราะแตกหักง่าย จึงไม่นิยมกันมากนัก ทำในยุคแรกของวัดระฆัง ปัจจุบันเหลืออยู่น้อยมาก

7. เนื้อข้าวหอม ท่านเอาข้าวหอมมะลิคัดเอาข้าวสารที่เมล็ดสวยสมบูรณ์ไม่หัก เอามาหุงให้เป็นข้าวสุก แล้วตากแดดให้แห้งเป็นข้าวตาก พอแห้งสนิทก็เอามาบดตำเป็นผงทำเป็นเนื้อพระ จะมีวรรณะขาวอมน้ำตาล ในเนื้อพระถ้าส่องดูจะเห็นเป็นเม็ดข้าวหรือเป็นไตขาวขุ่น ปัจจุบันยังพอหาได้



8. เนื้อผงใบลาน มี 2 ชนิดคือใบลานดิบ เอาใบลานเก่าๆ มาตากแดดให้แห้งกรอบแล้วเอามาบดตำเป็นผงพระจะมีสีน้ำตาล สีมะกอกสุก อีกชนิดเป็นผงใบลานสุกเอาใบลานมาเผาให้เป็นเถ้าถ่านแล้วเอามาบดเป็นผงพระจะมีสีเทาอมดำหรือดำอมเทา พระเนื้อใบลานยังพอหาชมได้



9. เนื้อเทียนชัย เทียนชัยคือเทียนที่ท่านจุดกระทำพิธีปลุกเสกพระเอาฤกษ์เอาชัย เทียนและน้ำตาเทียนที่เหลือท่านจะเอามาป่นผสมทำเป็นเนื้อพระ วรรณะจะออกเหลืองผิวเป็นมันใสๆ



10. เนื้อผงน้ำมัน ท่านจะเอาสีน้ำมันที่แห้งเสียแล้ว หรือเอาชันยาเรือที่ขูดออกจากเรือพระราชทาน เรือกาบกันยา เอามาบดป่นเป็นผงพระ วรรณะจะออกมาตามสีน้ำมัน หรือสีชันยาเรือคือสีน้ำตาล



11. เนื้อหินเปลือกหอยดิบ ทำจากหินเปลือกหอยสุสานหอยล้านปีที่พังงา กระบี่ เอามาตำบดป่นเป็นผงจะออกมาเป็นสีน้ำตาลอ่อน เนื้อจะแข็งแกร่งเป็นหิน ส่วนมากนำมาทำเป็นพระสมเด็จวัดระฆังยุคปลายที่นิยมกันอยู่ขณะนี้


12. เนื้อหินเปลือกหอยสุก ทำจากหินเปลือกหอยจากสุสานหอยล้านปีที่พังงา เอามาเผาไฟจนสุกเป้นปูนขาวมีวรรณะขาว เอามาบดป่นทำเป็นเนื้อพระ ส่วนมากเป็นพระกรุบางขุนพรหมวัดใหม่อมตะรส ซึ่งเนื้อนี้เป็นที่นิยมกันมากในขณะนี้
พระสมเด็จบางขุนพรหมกรุเก่า

พระสมเด็จบางขุนพรหม กรุใหม่


จากเนื้อพระ 12 เนื้อ ตั้งแต่ยุคแรก-ยุคกลาง มาถึงปลายของท่าน ปัจจุบันเป็นที่นิยมกันแค่ 2 เนื้อ คือเนื้อหินดิบ กับเนื้อหินสุก หรือบางคนเรียกเนื้อปูนปั้นเท่านั้น ส่วนเนื้ออื่นๆ อีก 10 เนื้อไม่เป็นที่นิยมกัน จนคนปัจจุบันไม่รู้จักแล้ว บางคนคิดว่าเป็นของปลอม หรือไม่ใช่ของสมเด็จไปแล้ว เซียนพระรุ่นใหม่ในปัจจุบันจึงเล่นพระกันแค่ 2 เนื้อคือเนื้อหินดิบกับหินสุก เนื้ออื่นๆ ไม่เล่นเลย

จากหนังสือ "ทีเด็ด...พระสมเด็จ 1-2 เล่มแท้" ของอาจารย์พน นิลผึ้ง

ไม่มีความคิดเห็น: