จุดเด่นประการแรกของพระมเหศวรอยู่ที่ “พิมพ์ทรง” ที่ออกจะแปลกแตกต่างไปจากพระพิมพ์อื่นๆ ที่เห็นกันอยู่ทั่วไป ซึ่งต้องยอมรับในภูมิปัญญาไทยสมัยก่อนที่สามารถรังสรรค์ชิ้นงานประติมากรรมด้วยความชาญฉลาด ด้วยปัญหาข้อหนึ่งของพระเนื้อชิน คือส่วนพระศอขององค์พระมักจะบอบบาง ทำให้เปราะและแตกหักง่าย ผู้สร้างจึงแก้โดยเอาส่วนที่เป็นพระศอของพระอีกองค์หนึ่งนั่งสวนทางกัน ดังนั้น ส่วนที่เปราะบางคือพระศอ จึงไปอยู่ในส่วนที่เป็นพระเพลาของพระอีกด้านหนึ่ง สามารถลบล้างในส่วนที่เปราะบางได้อย่างสิ้นเชิงจุดเด่นประการที่สอง คือเรื่อง “ความเข้มขลังด้านพุทธคุณ” เป็นที่เลื่องลือ โดยมีตำนานกล่าวขานกันสืบต่อมาว่า
“ ... หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ในแถบภาคกลางของไทย เช่น ชัยนาท อุทัยธานี และสุพรรณบุรี ได้เกิดชุมโจรออกปล้นสะดมชาวบ้านอย่างชุกชุม จนเป็นที่หวาดผวาแก่อาณาประชาราษฎร์ทั่วไป ตกเพลาค่ำคืนต้องคอยระมัดระวังอยู่ยามตามไฟอย่างเข้มงวด ยิ่งตามรอยต่อของทั้ง 3 จังหวัดดังกล่าว จะมีชุมโจรที่น่าเกรงขาม อาทิ เสือฝ้าย และเสือมเหศวร เป็นต้น โดยเฉพาะ "เสือมเหศวร" มีชื่อเสียงโด่งดังมากในเรื่องอยู่ยงคงกระพัน ยิงฟันไม่เข้า เล่ากันว่าเพราะเสือมเหศวรมีพระเครื่องชั้นดีอยู่องค์หนึ่งที่อาราธนาอยู่บนคอตลอดเวลา เป็นพระเนื้อชิน ประทับนั่งปางมารวิชัย สองหน้า นั่งเอาพระเศียรสวนทางกัน สมัยนั้นเรียกกันว่า "พระสวน" ...
สืบต่อมาจึงเอาชื่อของเสือมเหศวรมาเรียกเป็นชื่อพระพิมพ์ว่า "พระมเหศวร"
พระมเหศวรเป็นพระพิมพ์ประเภทเนื้อชินเงินหรือเนื้อชินแข็ง หรือที่เรียกว่า “เนื้อชินกรอบ” มวลสารจะเป็นส่วนผสมของเนื้อดีบุกมากกว่าเนื้อตะกั่ว เนื้อชินชนิดนี้จะมีลักษณะแข็ง เมื่อผ่านกาลเวลา จะทำปฏิกิริยากับอากาศ ที่ชาวบ้านเรียกกันว่าเกิดสนิม ซึ่งจะกัดกร่อนลงไปในเนื้อมากบ้างน้อยบ้าง เล็กบ้างใหญ่บ้างแล้วแต่ปัจจัยปรุงแต่ง อย่างเช่น ความชื้น ฯลฯ เราเรียกว่า ‘สนิมขุม’นอกจากนี้จะเกิด‘รอยระเบิดแตกปริ’ตามผิวทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยจะแตกจากภายในปะทุออกมาข้างนอก สามารถมองเห็นได้อย่างเด่นชัด ใช้เป็นหลักการพิจารณาสำคัญประการหนึ่ง
สำหรับพระมเหศวรบางองค์ที่มีส่วนผสมของเนื้อตะกั่วมากกว่าเนื้อดีบุก ซึ่งเรียกว่า “เนื้อชินอ่อน” นั้น เมื่อกระทบของแข็งจะเกิดเป็นรอยบุ๋มลึก และสามารถโค้งงอได้เล็กน้อย จะมีข้อดีตรงที่ไม่เกิดสนิมขุมรอยกัดกร่อนหรือระเบิดแตกปริ แต่จะเกิดเป็น ‘สนิมไข’ ที่มีลักษณะเป็นแผ่นสีนวลขาว เมื่อใช้ไม้ทิ่มแทงจะค่อยๆ หลุดออก แต่ถ้าทิ้งเอาไว้หรือแขวนคอพอถูกไอเหงื่อก็จะเกิดขึ้นมาอีกภายใน 3-4 วัน ซึ่งต่างจาก “สนิมไขเทียม” แม้จะมีลักษณะเป็นแผ่นเช่นกัน แต่เวลาล้างสนิมไขก็จะหลุดลอกออกหมดและไม่เกิดขึ้นมาใหม่อันเป็นข้อสังเกตสำคัญอีกประการหนึ่ง
พระมเหศวร กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี มีมากมายหลายพิมพ์ทรง สามารถแบ่งแยกเป็นพิมพ์ใหญ่ๆ ได้ 5 พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง พิมพ์เล็ก พระสวนเดี่ยว และพระสวนตรง
ซึ่ง ณ ปัจจุบันเป็นที่นิยมเล่นหากันอย่างกว้างขวางทุกพิมพ์ โดยเฉพาะองค์ที่มีคราบไคลความเก่าปรากฏ ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์เล็กพิมพ์น้อยก็ล้วนแต่มีราคาค่างวดทั้งสิ้น
ดังนั้น ต้องใช้การพิจารณาอย่างละเอียดและพิถีพิถัน ทั้งเรื่องเนื้อขององค์พระ ผิวขององค์พระ ปฏิกิริยาต่างๆ ที่เกิดตามอายุและสภาพแวดล้อม กระทั่งพื้นผิวภายนอกก่อนใช้หลังใช้ข้อสำคัญที่ต้องพึงจดจำไว้เสมอ ก็คือ "พระมเหศวร" พบเฉพาะที่กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี กรุเดียวเท่านั้น จะไม่ปรากฏในกรุอื่นหรือจังหวัดอื่นใดทั้งสิ้น
การพิจารณาจุดชี้ตำหนิแม่พิมพ์พระมเหศวรพิมพ์ใหญ่ เนื้อชินเงิน
- 1.พระเกศจิ่มมนอยู่บนพระเมาลี (เป็น 2 หยัก)ไม่ปรากฏเม็ดพระศก แต่มีไรพระศกสูงเด่น
- 2.พระพักตร์เคร่งขรึม น่าเกรงขาม
- 3.พระเนตรโปนออกมาทั้ง 2 ข้าง แบบตาตั๊กแตน
- 4.พระนาสิกนูนสูง
- 5.พระโอษฐ์แบะยื่นออกมา
- 6.ข้างพระเศียรด้านขวามี 3 ขีดด้านซ้ายมี 2 ขีด
- 7.พระอังสาทั้ง 2 ข้าง มนกลม ข้างซ้ายจะลาดต่ำกว่าข้างขวา
- 8.พระพาหาและพระกรข้างซ้ายจะมนกลม มีรอยต่อที่ข้อศอกเห็นได้ชัดเจน
- 9.พระหัตถ์ซ้ายค่อนข้างใหญ่มาก คล้ายก้ามปู และงุ้มเข้าด้านในคล้ายพระผงสุพรรณ
- 10.พระอังสะและสังฆาฏิ เป็นเส้นกลม ตรง แข็งทื่อ
โดย อาจารย์ราม วัชรประดิษฐ์ แฟนพันธุ์แท้พระเครื่อง
ขอขอบคุณ ที่มา:http://www.arjanram.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น