พระสมเด็จเกศไชโย พิมพ์ 7ชั้นหูประบ่า
ท่านพระยาทิพโกษาฯ ได้บันทึกว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) ผู้สร้างพระขึ้นเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับโยมมารดาที่มีชื่อว่า "เกศ" และตาของท่านที่มีชื่อว่า "ไช" พระสมเด็จจึงถูกเรียกชื่อตามวัดว่า "พระสมเด็จวัดเกศไชโย" ท่านสมเด็จโต ท่านสร้างพระสมเด็จ พิมพ์ 7 ชั้น นี้ที่วัดระฆังโฆษิตาราม แล้วนำมาแจกและบรรจุไว้ในกรุวัดไชโยวรวิหาร ในครั้งที่สมเด็จโต ได้สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่วัดนี้
พระสมเด็จพิมพ์ 6ชั้น อกตลอด
พระสมเด็จวัดเกศไชโย เป็นพระแก่ปูนผสมด้วยเกสรดอกไม้ และผงศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เป็นพระที่นักสะสมทั้งหลายให้ความเห็นว่า เป็นพระพิมพ์ที่เป็นพระปาง "ทรมานกาย" หรือบางท่านเรียกว่า"พระผอม"ทรงนั่งสมาธิบนฐาน 7ชั้น, 6ชั้น, 5ชั้น,และ3ชั้น สำหรับพิมพ์ที่นิยมในวงการพระเครื่องมี พิมพ์ 7ชั้นนิยม พิมพ์ 6ชั้นอกตัน และพิมพ์ 6ชั้นอกตลอด ส่วนพิมพ์อื่นจะได้รับความนิยมลดหลั่นกันลงมาตามลำดับ
พระสมเด็จเกศไชโย พิมพ์ 6ชั้นอกตัน(อกใหญ่)
ปัจจุบันค่านิยมและราคาของพระสมเด็จเกศไชโย นับวันยิ่งทวีค่ามากขึ้นตามพระสมเด็จวัดระฆังและพระสมเด็จบางขุนพรหม
พระสมเด็จเกศไชโย พิมพ์ 6ชั้นอกตัน(อกเล็ก)
จากคำบอกเล่าเมื่อครั้งมีการบูรระปฏิสังขรณ์พระพุทธรูปองค์ใหญ่แล้วพบพระเครื่องตระกูลนี้ออกมาเป็นจำนวนมากผู้ที่มีพระพิมพ์สมเด็จวัดเกศไชโยไว้ส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้านละแวกนั้น มีพระส่วนหนึ่งจำนวนเล็กน้อยที่พบพร้อมกับการเปิดกรุบางขุนพรหม ทำให้สันนิษฐานได้ว่า พระสมเด็จวัดเกศไชโย น่าจะมีอายุการสร้างที่แยกต่างหากจากการสร้างพระทั้งที่วัดระฆังและกรุบางขุนพรหม ด้วยมวลสาร เนื้อหาต่างกัน ช่างแกะพิมพ์ก้ต่างฝีมือจากพระสมเด็จวัดระฆังและบางขุนพรหม
ประวัติวัดไชโยวรวิหาร
เลขที่ 21 หมู่ที่ 3 ตำบลไชโย อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง
วัดไชโยวรวิหาร หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า วัดไชโย เดิมเป็นวัดราษฏร์สร้างมาแต่ครั้งใดไม่ปรากฏใช้ชื่อว่า “วัดเกษไชโย” ในช่วงรัชสมัยรัชกาลที่ 4 สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม ได้ขึ้นมาสร้างพระพุทธรูปปางสมาธิองค์ใหญ่หรือหลวงพ่อโตไว้กลางแจ้ง ไม่มีพระวิหารครอบ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงโปรดเกล้าฯให้ปฏิสังขรณ์วัดไชโย เมื่อมีการสร้างวิหารก็จำเป็นต้องมีการกระทุ้งราก พระพุทธรูปใหญ่ทนการกระเทือนไม่ได้ก็พังทลายลง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างหลวงพ่อโตขึ้นใหม่ตามแบบหลวงพ่อโต วัดกัลยาณมิตร ขนาดหน้าตักกว้าง 16.10 เมตร ความสูงสุดยอดพระรัศมี 22.65 เมตร และพระราชทานนามว่า “พระมหาพุทธพิมพ์” วิหารของวัดไชโยนี้หันหน้าออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา มีการสร้างพระอุโบสถรวมทั้งศาลารายรอบพระวิหารรวมอีกสี่หลัง รวมเวลาที่ปฏิสังขรณ์นาน 8 ปี และยกฐานะของวัดขึ้นเป็นพระอารามหลวงชื่อ “วัดไชโยวรวิหาร” แต่ชาวบ้านทั่วไปก็ยังคงนิยมเรียกชื่อว่าวัดเกษไชโย
จนเมื่อคราวที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี ) แห่งวัดระฆังโฆษิตาราม (ซึ่งขณะนั้นท่านยังดำรงสมณะศักดิ์พระเทพกวี) ได้มาสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ขึ้นที่วัดแห่งนี้ในสมัยรัชกาลที่ 4 หรือประมาณปี 2400-2405 จึงทำให้วัดไชโยวรวิหารกลายเป็นที่รู้จัก และมีชื่อเสียงนับจากนั้น
“พระมหาพุทธพิมพ์” หรือ “หลวงพ่อโต” เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวอ่างทองและจังหวัดใกล้เคียงให้ความเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก ประดิษฐานในวิหารวัดไชโยวรวิหาร มีพุทธลักษณะเป็นศิลปะรัตนโกสินทร์ ปางสมาธิ ขัดสมาธิราบ ขนาดหน้าตัก 8 วา 7 นิ้ว ก่ออิฐถือปูนลงรักปิดทอง
และเนื่องจากเป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโต ต่างเป็นที่ประจักษ์และกล่าวขานกันดีของชาวอ่างทองว่ากันว่า ผู้ที่ก่อกรรมทำชั่วไว้มากจะไม่สามารถเข้าไปกราบนมัสการหลวงพ่อโตได้ เนื่องจากเมื่อเข้าใกล้องค์พระ จะมองเห็นหลวงพ่อโต กำลังจะล้มลงมาทับนั่นเอง **พระหลวงพ่อโต ในปัจจุบัน ไม่ใช่องค์เดิมที่ท่านสมเด็จโตสร้าง มีการปฏิสังขรณ์ ถึง 3 ครั้ง**
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น